วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555

สู่เมืองบางกอก กับขบวนรถเร็วที่ 174

 เมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๕ ผมมีภาระกิจต้องเดินทางไปทำภาระกิจสำคัญที่กรุงเทพมหานคร เป็นเวลา ๑๐ วันครับ ซึ่งกำหนดการเดิมจริงๆแล้ว เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากน้องน้ำมาหาพี่กรุงในช่วงนั้น จึงทำให้กำหนดการเดิมต้องเลื่อนออกไปมาเป็นเดือนมกราคมนี้ครับ

           การเดินทาง แน่นอนครับผมได้จองตั๋วไว้ล่วงหน้าก่อนพอสมควรแล้วครับ และแน่นอนอีกอย่าง คือพาหนะในการเดินทางครับ เมื่อสถานที่นั้น สามารถเดินทางด้วยเจ้ารถไฟได้ ยานพาหนะที่ใช้เดินทางในครั้งนี้ ก็ต้องเป็นรถไฟอย่างแน่นอนครับ

           แต่ครั้งนี้ ไม่เหมือนรอบที่ผ่านมา (ตามนี้ครับ) ซึ่งเดิมผมเลือกเดินทางด้วยขบวนรถด่วนที่ ๘๖ นครศรีธรรมราช - กรุงเทพ และกำหนดการเดินทาง เวลา ๑๘.๔๐ นาฬิกา ซึ่่งดูเวลาแล้ว ค่อนข้างค่ำไปหน่อย ทำให้ไม่ได้เห็นบรรยากาศยามเย็นริมทางรถไฟเลย เพราะเมื่อค่ำแล้ว เจ้าหน้าที่การรถไฟประจำขบวนก็จะเริ่มจัดที่นอนให้ทันทีครับ

            ดังนั้น ในรอบนี้ ผมจึงเลือกเดินทางด้วยขบวนเร็ว ที่ ๑๗๔ นครศรีธรรมราช - กรุงเทพ ซึ่งมาถึงสถานีสุราษฏร์ธานี เวลา ๑๖.๓๗ นาฬิกา จึงทำให้มีเวลาถ่ายบรรยากาศในการเดินทางมาให้ชมกันครับ

ผมมาถึงสถานีรถไฟสุราษฏร์ธานีก่อนเวลาประมาณ ๑ ชั่วโมงครับ ซึ่งมีพี่ๆจากสำนักงานใจดี อาสามาส่งถึงชานชลาครับ เหตุที่มาถึงก่อนก็เพื่อจะได้มีเวลาซื้อของกินระหว่างการเดินทาง และถ่ายบรรยากาศสถานีไปด้วย ที่สำคัญจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะตกรถไฟครับ มาก่อนดีกว่าครับ



บรรยากาศเหงาๆว่างๆครับ ไม่มีผู้คนเท่าไหร่นัก อาจเพราะผมมาก่อนเวลาประมาณชั่วโมงครับ




ตอนที่ผมไปถึง มีขบวนหนึ่งจอดรอให้บริการอยู่ที่ชานชลาที่ ๒ ครับ คือ ขบวนรถท้องถิ่นที่ ๔๘๙ รับส่งจากสถานีสุราษฏร์ธานี - ชุมทางบ้านทุ่งโพธิ์  ปลายทาง อำเภอคีรีรัฐนิคม ครับ


 พอดียังไม่ถึงเวลา ทำให้คนไม่พลุกพล่านจึงทำให้ขบวนรถจอดโล่งๆ โดยไม่มีคนเดินผ่าน เลยกดมาสองรูปครับ


 ขบวนท้องถิ่นนี้ ออกจากสถานีสุราษฏร์ธานี เวลา ๑๖.๕๕ นาทีครับ แต่เนื่องจากขบวนเดินทางของผมยังไม่มา ซึ่งเป็นธรรมดาของรถไฟไทย เมื่อถึงเวลา ขบวนรถท้องถิ่นที่ ๔๘๙ ก็ออกเดินทางสู่อำเภอคีรีรัฐนิคมครับ


 หลังจากขบวนที่ ๔๘๙ ออกจากสถานีสุราษฏร์ธานีได้ไม่กี่อึดใจ และแล้วขบวนที่ ๑๗๔ ของผมก็เดินทางมาถึงครับ


เลยขอถ่ายต่อเนื่องสักนิดครับ






เมื่อขบวนรถหยุดสนิท ผมและ ผบ. จึงช่วยกันยกกระเป๋า ซึ่งรอบนี้พาไปหลายใบเหมือนกัน และเข้าประจำการตามที่นั่งและเตรียมเดินทางต่อไปครับ


และแล้วขบวนรถไฟก็เริ่มเคลื่อนจากสถานีสุราษฏร์ธานี สู่กรุงเทพมหานครครับ


ออกจากสถานีสุราษฏร์ธานีได้สักระยะ ก็มาถึงจุดไฮไลท์ คือบริเวณสะพานจุลจอมเกล้าครับ


ถ่ายขณะขบวนรถไฟกำลังวิ่งเข้าสู่สะพาน


ภาพนี้ส่วนตัวผมชอบครับ ขณะกำลังวิ่งข้ามแม่น้ำตาปีบนสะพานจุลจอมเกล้า
เรื่องอาหารบนรถไฟ จริงๆแล้วมีเจ้าหน้าที่จากห้องเสบียงมาขาย รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้าด้วย แต่ลุงท่านนี้ พกมาเองทำให้ได้บรรยากาศในการนั่งรถไฟมากๆ


จากสะพานจุลจอมเกล้า ขบวนกำลังทิ้งโค้ง เข้าสู่ชุมทางบ้านทุ่งโพธิ์ครับ


แต่ปรากฎว่าขบวนต้องชะลอเพื่อเข้าทางหลีกครับ



เมื่อระยะจอดของขบวนไกลจากสถานีพอสมควรครับ งานนี้จึงต้องพึ่งเจ้าแทมรอน ซึ่งประจำกายกับอาวุธชิ้นใหม่ CANON 60 D ครับ


ยกกล้องขึ้นมาก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่นายสถานี กำลังคล้องห่วงตราทางสะดวกให้กับขบวนที่กำลังเข้ามาสถานีครับ จึงต้องรีบถ่าย ทำให้โฟกัสหลุดไปหน่อย ๕๕


รอสักพัก ก็ปรากฎสาเหตุที่ทำให้ขบวนของผมต้องหลีกทาง ก็คือมีขบวนอื่น กำลังเข้าสู่ชุมทางบ้านทุ่งโพธิ์ครับ ก็คือ ขบวนด่วนพิเศษ ที่ ๔๓ กรุงเทพ - สุราษฏร์ธานีครับ



เมื่อขบวนด่วนพิเศษผ่านไป ขบวนของผมก็เริ่มเดินทางต่อครับ


ระหว่างทางก็มีการสร้างทางระบายน้ำ เพื่อรอรับหน้าฝนที่กำลังจะมาถึงด้วย


และก็มาถึงสถานีไชยาครับ


 ไม่มีอะไรมากครับ จอดรับผู้โดยสารแป๊ปเดียว ขบวนก็ออกเดินทางต่อครับ


เข้าสู่อำเภอท่าชนะครับ ที่นี่ทิวทัศน์เขา สัญลักษณ์ของอำเภอท่าชนะสวยพอควรเลยครับ



ถึงสถานีท่าชนะแล้วครับ


เมื่อจอดรับผู้โดยสารประมาณ ๑ นาทีครับ จากนั้นขบวนก็ออกเดินทางออกจากสถานีท่าชนะ



สบายๆ กับรถไฟไทยครับ


ไม่นานเท่าไหร่ครับ ขบวนเดินทางมาถึงสถานีชุมพรครับ ขณะที่จอดที่สถานี ได้ยินเสียงแว่วๆครับ ว่าขบวนหลังผม รถเสียเวลาและจะเข้าสถานีช้ากว่ากำหนดครับ จึงเป็นเรื่องโชคดีของผมครับ ที่เลือกขบวนนี้เดินทาง



ปัญหาของการรถไฟ ที่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบเดินทางกับรถไฟ ทั้งที่เป็นการเดินทางที่ปลอดภัยที่สุด หากเทียบกับรถทัวร์ ก็คือ ช้า เสียเวลา และจอดบ่อย ครับ


เหตุที่จอดบ่อย ก็สืบเนื่องจากเส้นทางรถไฟสายใต้ เป็นแบบรางเดียวครับ เมื่อขบวนรถสวนกัน จึงต้องทำให้มีการหลีกทางกันอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้เสียเวลาไปพอสมควรครับ


ซึ่งหากรัฐบาลทุ่มงบสร้างทางรถไฟคู่ตลอดเส้นทาง แล้ว เชื่อว่ารถไฟไทยจะได้รับความนิยมมากกว่านี้แน่นอนครับ


ส่วนตัวผมชอบเดินทางกับตู้นอนครับ เพราะเบาะนุ่ม และสามารถยืดตัวได้ทั้งตัว หลับสบายครับ ไม่ปวดเมื่อยเช่นรถทัวร์ แม้ต้องแลกกับเวลาบ้าง และตื่นบางครั้งบ้างเนื่องจากเสียงตามสบายของนายสถานี เมื่อรถจอดที่สถานีใหญ่ๆบ้าง ก็ไม่เป็นไรครับ




ตื่นมาอีกครั้ง ถึงชุมทางบางซื่อแล้วครับ ขบวนนี้ทำเวลาได้ดี


และขบวนกำลังเข้าสู่หัวลำโพง รอบนี้ล่าช้าไม่กี่นาทีเองครับ








เมื่อถึงหัวลำโพงแล้ว จากนั้นเดินทางไปเขตสุทธิสาร เพื่อเข้าสถานที่ที่จะพักตลอดการทำธุระครั้งนี้ ไปถึงห้องพักท้องฟ้าก็เริ่มสว่าง พระอาทิตย์กำลังส่องแสงยามเช้าพอดี จากนั้นผมขอพักผ่อนอีกหน่อยก่อนตื่นขึ้นมาเพื่อเตรียมตัวทำธุระต่อไปครับ ขอบคุณครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น