วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กลับเมืองร้อยเกาะ กับขบวนรถเร็วที่ 173

วันเดินทาง วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สถานีต้นทาง กรุงเทพ ( หัวลำโพง )

สถานีปลายทาง สุราษฏร์ธานี

ขบวนรถที่โดยสาร ขบวนรถเร็วที่ 173 นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ

ความจากเดิมตอนที่แล้ว สู่เมืองบางกอก กับขบวนรถด่วนที่ 86 วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556  เนื่องจากผมมีภารกิจต้องขึ้นไปสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการอัยการ ในตำแหน่งอัยการผู้ช่วย ประจำปี 2555 ที่กรุงเทพมหานคร โดยจะสอบทั้งหมดเป็นเวลา 3 วัน วันแรก คือ วันอาทิตย์ ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 วันที่ 2 คือ วันเสาร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 และวันที่ 3 คือ วันอาทิตย์ ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 แต่ในรอบนี้มาสามารถไปอยู่กรุงเทพได้หลายวัน เพราะติดงานคดีที่ต้องกลับมาสืบพยานระหว่างสัปดาห์ รอบนี้เลยใช้ระบบสอบเสร็จแล้วเดินทางกลับก่อนแล้วค่อยขึ้นไปใหม่ครับ


หลังการสอบในวันแรกเสร็จเรียบร้อย ช่วงบ่ายของวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 ผมเดินทางออกจากที่พักไปยังสถานีรถไฟกรุงเทพ หรือหัวลำโพงเพื่อกลับสุราษฏร์ธานีครับ






ไปถึงสถานีรถไฟกรุงเทพ หรือหัวลำโพง ประมาณบ่ายสองโมง ส่วนเหตุที่รอบนี้ไปเร็วกว่าทุกครั้งเนื่องจากต้องการไปไหว้พระ ทำบุญโลงศพที่วัดหัวลำโพง เลยมาก่อนเวลาสักหน่อยครับ



ไปถึงหัวลำโพง ก็นำกระเป๋าและสัมภาระต่างๆ ไปฝากไว้ที่จุดรับฝากของภายในหัวลำโพงก่อนครับ




หลังจากฝากกระเป๋าและสัมภาระต่างๆที่จุดรับฝากของภายในหัวลำโพงเรียบร้อย ก็ออกเดินทางไปวัดหัวลำโพง ตามที่ตั้งใจไว้ ด้วยรถตุ๊กๆ หรือรถสามล้อเครื่องจอมซิ่งครับ



โอ้โฮ นี่หรือบางกอก ผิดกับบ้านนอก ตั้งหลายศอก หลายวา รถราแล่นกันวุ่นวาย มากกว่าฝูงควายฝูงวัวบ้านนา ผู้คนเดินชนหัวไหล่ ไม่รู้ไปไหน เดินไปก็เดินมา



ก่อนเข้าไปภายในวัดหัวลำโพง แวะทำบุญโลงศพ ที่ศาลเจ้าพ่อเขาตก มูลนิธิร่วมกตัญญู สาขาวัดหัวลำโพงกันก่อนครับ



ภายในศาลเจ้าพ่อเขาตก คนเยอะมากครับ



แถมควันก็เยอะมากพอสมควร เนื่องจากในวันนี้มีคนไปกราบไหว้และทำบุญเยอะมากครับ



ออกจากศาลเจ้าพ่อเขาตก ก็เข้าไปภายในวัดหัวลำโพง สามารถเดินเข้าทางด้านข้างของศาลเจ้าได้เลยครับ



หลังจากทำบุญไหว้พระเรียบร้อย ถึงเวลากลับไปที่หัวลำโพง ด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินครับ



มาถึงสถานีรถไฟกรุงเทพ มีเวลาเหลืออีกพอสมควร แถมขบวนรถที่ใช้เดินทางยังไม่นำมาเทียบในชานชาลา เลยเดินถ่ายรูปภายในสถานีไปก่อนเพื่อฆ่าเวลาครับ




เริ่มแรก ด้วยขบวนรถพิเศษสุดหรู “Eastern & Oriental Express” ที่ 951 กรุงเทพ - สิงคโปร์




ฝันว่าชีวิตนี้คงมีโอกาสโดยสารไปกับขบวนนี้ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่เท่านั้น




หลังจากถ่ายภาพขบวนรถพิเศษสุดหรู “Eastern & Oriental Express” ที่ 951 กรุงเทพ - สิงคโปร์ เรียบร้อย ผมก็เดินเข้าไปภายในย่าน ปลายชานชาลาเพื่อถ่ายรูปรถไฟเล่นครับ



ระหว่างนั้น ในชานชาลาที่ 9 กำลังมีการนำตู้โดยสารมาจอดเทียบชานชาลา ซึ่งเป็นผู้โดยสารของขบวนที่ผมจะใช้เดินทางกลับในวันนี้ครับ



เนื่องจากตู้โดยสารเพิ่งเข้ามาเทียบชานชาลา ภายในรถคงยังไม่เรียบร้อย เลยเดินถ่ายรูปภายในสถานีต่อไปครับ

ในชานชาลาที่ 7 รถดีเซลราง ยี่ห้อ ทีเอชเอ็น THN หมายเลข 1224 กำลังเข้าสู่ชานชาลาเพื่อทำขบวนรถชานเมืองครับ



ส่วนไปชานเมืองไหนนั้น ไม่แน่ใจครับ



ส่วนในชานชาลาที่ 6 พนักงานกำลังทำความสะอาดขัดถูตู้โดยสารอยู่



ในชานชาลาที่ 7 หลังรถดีเซลราง ยี่ห้อ ทีเอชเอ็น THN หมายเลข 1224 ทำขบวนรถชานเมืองและออกไปจากสถานีกรุงเทพแล้ว ขบวนรถระยะใกล้ขบวนหนึ่งก็เข้ามาจอดแทนที่ครับ นำลากจูงโดยหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้า Alsthom (ALS) หมายเลข 4113 ครับ





ในชานชาลาที่ 8 ก็มีขบวนรถชานเมืองจอดรอเวลาอยู่เช่นกันครับ




ระหว่างรอเวลา ขอจิบเบียร์เย็นๆ และถ่ายภาพบรรยากาศภายในสถานีกรุงเทพไปเรื่อยๆ









ใกล้ถึงเวลาแล้วครับ ผมจึงเดินไปรับกระเป๋าและสัมภาระที่ฝากไว้ และมายัง ณ ชานชาลาที่ 9 เพื่อเตรียมตัวขึ้นขบวนรถกลับสุราษฏร์ธานี



ซึ่งขบวนรถที่ผมใช้ในการเดินทางกลับวันนี้ คือ ขบวนรถเร็วที่ 173 กรุงเทพ - นครศรีธรรมราช มีกำหนดออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพ ในเวลา 17.35 นาฬิกาครับ





ขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว จัดไปอีกกระป๋องครับ




จากนั้น ขบวนรถเร็วที่ 173 กรุงเทพ - นครศรีธรรมราช ก็ออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพ ในเวลา 17.35 นาฬิกาตรงครับ




แสงสีทองผ่องอำไพ กับขบวนรถเร็วที่ 173 กรุงเทพ - นครศรีธรรมราช



ขบวนรถเร็วที่ 173 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช ขณะเคลื่อนผ่านย่านจอดรถดีเซลราง




ขบวนรถเร็วที่ 173 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช ขณะเคลื่อนผ่านสะพานก่อนเข้าสถานีชุมทางบางชื่อ




ขบวนรถเร็วที่ 173 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช ณ สถานีรถไฟบางบำหรุ




ขบวนรถเร็วที่ 173 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช มาถึงสถานีรถไฟราชบุรี โดยมีหัวรถจักรดีเซลไฮดรอลิค Krupp (KP.) หมายเลข 3118 จอดอยู่ในรางที่ ๓ รอทำขบวนรถธรรมดาที่ 352 ราชบุรี – ธนบุรี ในช่วงเช้าที่จะออกจากสถานีรถไฟราชบุรี เวลา 5.00 นาฬิกาครับ



ออกจากสถานีรถไฟราชบุรีแล้ว ยังไม่ง่วง เลยขอดูอะไรเบาๆ สักตอนสองตอน ก่อนนอนครับ




รุ่งเช้าตื่นขึ้นมาอีกที ขบวนรถเร็วที่ 173 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช ก็มาถึงสถานีรถไฟไชยา



ขณะไปถึงสถานีรถไฟไชยา ฟ้ายังไม่สว่างเท่าไหนนัก ถือว่าขบวนรถไม่เสียเวลามากครับ



ขณะขบวนรถเร็วที่ 173 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช ข้ามสะพานคลองท่าฉาง แสงทองยามเช้าเริ่มทอแสงให้เห็น




แสงทองยามเช้า จากบนขบวนรถเร็วที่ 173 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช




จากท้องฟ้ายามเช้าสวยๆแล้ว มาดูไอหมอกยามเช้าของสองข้างทาง ขณะขบวนรถเร็วที่ 173 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช วิ่งผ่านครับ






แสงยามเช้า ส่องกระทบขบวนรถเร็วที่ 173 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช




และแล้วขบวนรถเร็วที่ 173 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช ก็มาถึงสถานีรถไฟสุราษฏร์ธานี เวลา 6.58 นาฬิกา ล่าช้ากว่ากำหนดประมาณ 1 ชั่วโมงเศษครับ



ในรอบนี้ ต้องขอขอบคุณท่าน ทค.กิจเกษม ชูศักดิ์ ที่อุตส่าห์อาสามารับและพาผมไปส่งที่บ้านสวนมา ณ โอกาสนี้ด้วย




เมื่อขบวนรถเร็วที่ 173 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช ออกจากสถานีสุราษฏร์ธานี จึงเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองสุราษฏร์ธานี ขอเวลาเก็บของและอุปกรณ์การเดินทางก่อนเริ่มลุยงานในวันนี้ต่อไปครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น